การแต่งบ้านด้วยโทนสีขาว
การตกแต่งบ้านด้วยสีขาวนั้น จะทำให้บ้านคุณดูสะอาดตา สว่าง และดูเรียบง่าย แต่หารู้ไม่ บางทีมันอาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจกับธรรมชาติของสีขาว เพื่อที่จะเลือกใช้ให้เหมาะสม ข้อต่อไปนี้คือข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับสีขาว
สีขาวจัดเป็นสีแท้ หรือ True Color
(เช่นเดียวกับสีดำ) กล่าวคือไม่มีสีใด ๆ ในวงจรสีที่ผสมกันแล้วได้สีขาวอย่างแท้จริง แต่สีขาวสามารถนำไปผสมกับสีอื่น ๆ ในวงจรสีได้ดี ทำให้สีต่าง ๆ แตกขยายเฉดสีออกไปอย่างมากมายตามปริมาณของสีขาวที่เข้าไปผสม โดยเนื้อสีที่ได้จากการผสมนี้จะให้สีสันที่อ่อนหวาน นุ่มนวล หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า “สีพาสเทล” (Pastel) ซึ่งเป็นกลุ่มสีที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะคนที่กังวลกับการใช้สีขาวด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น กลัวสกปรก กลัวความขาวโพลน ฯลฯ มักเลือกใช้สีในกลุ่มนี้ ทั้งนี้เพราะเนื้อสีแบบพาสเทลนั้นช่วยลดความรู้สึกต่าง ๆ ข้างต้นได้ดี รวมทั้งบ้านหรือห้องที่ใช้โทนสีแบบนี้จะให้บรรยากาศที่ดูนุ่มนวล น่าสบาย อ่อนหวาน และโรแมนติก
สีขาวช่วยสร้างสเปซหรือพื้นที่ว่างให้กับบ้านหรือห้องที่ทาโครงสร้างด้วยสีขาว
ทำให้ห้องนั้นได้ความรู้สึกที่โปร่งโล่ง น่าสบายมากขึ้น เหมืนดังที่ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ ศิลปินนักวาดภาพชื่อดังอธิบายว่า “ในงานจิตรกรรม โดยเฉพาะจิตรกรรมไทย เรามักจะเห็นว่ามีพื้นที่สีขาวใหญ่ ๆ เช่น กำแพงวัด กำแพงวัง เป็นช่วง ๆ เพื่อช่วยสร้างพื้นที่ว่างและสดความลายตาของภาพ ให้ความรู้สึกโปร่งสบายขึ้น”
สีขาวเปรียบเสมือนฉากรับแสงที่ดี โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ต่างกัน (แสงในแต่ละช่วงจะสะท้อนคลื่นแสงออกมาไม่เท่ากัน ในตอนเช้าแสงจะเจือด้วยสีชมพูและเหลืองจาง ๆ ตอนเที่ยงแสงจะเจือด้วยเทาจาง ๆ แดดยามบ่ายจะให้แสงขาวจัด และช่วงเย็นจะให้แสงออกส้มแดง เป็นต้น) ทำให้ผนังหรือวัตถุนั้นมีแสงสีที่แปรเปลี่ยนไปตามคลื่นแสงที่มากระทบ ทำให้บ้านหรือห้องนั้น ๆ มีมิติและบรรยากาศที่แปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา
แม้จะมีข้อดีในเรื่องการรับแสงเช่นนี้ แต่ผู้ใช้สีขาวก็พึงระวังเรื่องการสะท้อนแสงของสิ่งอื่น ๆ ที่แวดล้อมอยู่ เช่น บ่อน้ำข้างบ้าน หรือกระจกจากตึกข้างเคียง ที่อาจจะสะท้อนมาตกกระทบบนผนังสีขาวในบ้านของเรา ซึ่งอาจเป็นผลต่อการมองเห็นของผู้อยู่อาศัยในบ้าน รวมทั้งการสะท้อนสีจากของอื่น ๆ ที่แวดล้อมอยู่เพราะสีสันเหล่านั้นอาจแผ่อิทธิพลทำให้ได้แสงสีที่ดูแล้วห้องไม่สวยงามได้
สีขาวเป็นตัวกลางที่สะท้อนแสงได้ดี
คนที่เคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์จะต้องจำได้ว่า วัตถุสีขาวจะสะท้อนแสงที่ตกกระทบทั้งหมด โดยไม่ดูดซับสีใด ๆ ไว้ในตัว เช่นวัตถุสีอื่น ๆ ทำให้นักออกแบบตกแต่งหลายคนนิยมใช้สีขาวภายในอาคารที่มีจุดด้อยในเรื่องแสงสว่าง ทำให้ห้องสว่าง สดใส รวมทั้งช่วยพรางหรือหลอกตา เรารู้สึกว่าสถานที่นั้น ๆ ดูกว้างขวางขึ้นได้
สีขาวสามารถเข้ากันได้กับสีในทุกวงจรสี
โดยเฉพาะการใช้สีขาวเป็นแบ็คกราวนด์ หรือสีพื้น จะช่วยขับให้สีอื่น ๆ โดเด่นสะดุดตา เหมาะมากกับบ้านที่ต้องการเน้นหรือโชว์ภาพงานศิลปะ หรือของตกแต่งที่มีสีสัน นอกจากนี้ การใช้สีขาวเป็นส่วนประกอบก็สามารถเสริมหรือลด (เบรก) ความโดดเด่นของสีอื่น ๆ ให้ดูกลมกลืนสวยงาม ทำให้สีขาวสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับการตกแต่ง แทบจะเรียกได้ว่าทุกสไตล์ที่เกิดขึ้นในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคลาสสิก คันทรี่ โมเดิร์น แฟนตาซี ร่วมสมัย ฯลฯ
สีขาวสกปรกง่าย
ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนกลัวที่จะใช้สีขาว เพราะนอกจาจะต้องเพิ่มความระวังในการใช้งานแล้ว ยังเพิ่มภาระในการทำความสะอาดอีกด้วย
เป็นความจริงที่ว่าสีขาวสกปรกง่าย ทั้งนี้เพราะเดิมทีเดียว สีขาวผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ดินขาว ปูนขาว แต่ปัจจุบัน การผลิตสีขาวได้เปลี่ยนมาใช้ไทเทเนียมออกไซด์เป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้สีขาวบริสุทธิ์ที่มีความสว่างสดใส ทำความสะอาดง่าย ป้องกันน้ำและคราบต่าง ๆ ได้ดี ทั้งยังมีกาผลิตสีขาวในเฉดสีต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ผู้ใช้ได้มีโอกาสเลือกมากขึ้น และมีชนิดหรือประเภทของสีที่เหมาะกับพื้นผิวต่าง ๆ อันได้แก่ สีน้ำมัน สีน้ำพลาสติก สีอะครีลิค ซึ่งมีคุณสมบัติต่าง ๆ กันไปตามวัตถุที่ผสมลงในสี ทำให้เราสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานที่และวัตถุประสงค์ให้ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดอคติที่มีต่อสีขาวในแง่ความสกปรกลง
ในส่วนของเครื่องเรือนที่ใช้สีขาว โดยเฉพาะผ้าบุ ผ้าม่านนั้น ปัจจุบันพัฒนาการเรื่องวัสดุเคลือบผิวผ้าบุ ผ้าม่าน และการทำความสะอาดไปไกลกว่าที่เราคิดไว้มาก กล่าวคือมีการสังเคราะห์วัตถุดิบที่นำมาผสมให้สิ่งสกปรกไม่อาจฝังตัวในเนื้อผ้า หรือเปรอะเปื้อนเนื้อผ้าได้ง่าย ๆ รวมทั้งกรรมวิธีการทำความสะอาดเองก็พัฒนาให้สามารถทำความสะอาดได้ดี ไม่เหลือคราบ แถมได้สีขาวสดใสอีกด้วย